Support
ข้าวกล้อง ไร้สาร
086-3265553
Your shopping cart
ดูตะกร้าสินค้าของคุณ
ไม่มีสินค้าในตะกร้าของคุณ

ข้าวกล้อง นานาชนิด

Kanyagon2010@hotmail.com | 13-01-2558 | เปิดดู 503 | ความคิดเห็น 1

 

ข้าวกล้องกับสุขภาพ

“ข้าวกล้อง” คือ ข้าวสีน้ำตาลขุ่นที่ได้จากการสีข้าวเพียงครั้งเดียว เพียงแค่ให้เปลือก (แกลบ) หลุดออก ส่วนที่เหลือเป็นเนื้อหรือเมล็ดข้าวสาร ที่ยังมีจมูกข้าวและเยื่อหุ้มเมล็ดข้าว(รำ) ข้าวขาวที่เรากินกันอยู่เป็นข้าวที่ได้จากการสีหลายๆ ครั้ง ถึง 7 ครั้ง จนจมูกข้าวและเยื่อหุ้มเมล็ดข้าวหลุดออกไปด้วย จึงเหลือแต่เมล็ดข้าวสีขาวสวย ซึ่งเป็นเพียงแป้งที่ให้แต่พลังงานเท่านั้น ปราศจากคุณค่าทาง...อาหารอื่นๆ

ข้าวกล้องมีคุณค่าทางอาหารที่มีประโยชน์ยิ่ง เพราะครบถ้วนด้วยส่วนประกอบของจมูกข้าวและเยื่อหุ้มเมล็ด อันเป็นส่วนที่จะเจริญเติบโตเป็นต้น ข้าว อุดมด้วยวิตามินบี วิตามินอี ที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระตัวสำคัญ เยื่อหุ้มเมล็ดจะมีเส้นใยอาหารที่ดีสูง ทางวงการแพทย์พบว่าเส้นใยเหล่านี้ มีส่วนช่วยป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่และกระเพาะอาหาร ยังมีส่วนช่วยป้องกันไขมันชนิดอิ่มตัวถูกดูดซึมเข้าสู่กระเพาะอาหารอีกด้วย

บางคนเรียกข้าวกล้องว่า “ข้าวซ้อมมือ” ด้วยชาวบ้านในสมัยก่อนใช้มือตำให้เปลือกข้าวหลุดออก เพื่อใช้กินกันเองในครัวเรือน เยื่อหุ้มเมล็ด(รำ) และจมูกข้าวจะหลุดออกไปบางส่วน แต่ในสมัยปัจจุบันเราใช้เครื่องจักรสีข้าวแทน และเรียกผลผลิตที่ได้จากการสีข้าวเพียงครั้งเดียวนี้ว่า “ข้าวกล้อง” สำหรับ “ข้าวแดง” เป็นพันธุ์ข้าวกล้องชนิดหนึ่งที่มีเยื่อหุ้มเมล็ดสีแดงผ่านการสีเพียงครั้งเดียวเช่นกัน ได้แก่ ข้าวแดงมันปู ข้าวสังข์หยด

คนไทยกินข้าวกล้องมาหลายพันปี เพิ่งหันมากินข้าวขาวเมื่อประมาณ 100 ปีมานี้เอง การที่บรรพบุรุษของเรารู้จักกินธัญพืชที่มีประโยชน์มหาศาลเป็นอาหารหลักเช่นนี้ ทำให้คนไทยมีสุขภาพดี และสามารถสืบทอดลูกหลานมาจนถึงปัจจุบัน

พวกเราหลงผิดคิดว่าข้าวขาวดีกว่าข้าวกล้องเพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ แต่เมื่อวิทยาศาสตร์การแพทย์เจริญขึ้น มนุษย์มีความรู้ความเข้าใจมากขึ้นว่า ข้าวกล้องเป็นอาหารที่ดีที่สุด คนทั่วโลกจึงหันมาสนใจข้าวกล้อง รวมทั้งคนไทยผู้รักสุขภาพด้วย

เมื่อคิดจะชักชวนคนไทยให้หันมากินข้าวกล้องให้มากขึ้น จึงจำเป็นที่จะต้องกล่าวถึงประโยชน์ของข้าวกล้องว่า ดีอย่างไรต่อสุขภาพ เพื่อเป็นข้อมูลพื้นฐานในการพิจารณาเปลี่ยนมากินข้าวกล้องแทนข้าวขาวต่อไป

ข้าวกล้องเป็นอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน

อาหารประเภทแป้งและน้ำตาล เป็นอาหารที่เรารู้จักกันอีกชื่อหนึ่งว่า คาร์โบไฮเดรต เป็นอาหารกลุ่มสำคัญ 1 ใน 5 หมู่ ซึ่งร่างกายต้องการมากกว่าอาหารหมู่อื่น เพราะเป็นกลุ่มที่ให้พลังงาน คาร์โบไฮเดรตแบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ คาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยว (Simple carbohydrate) และคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน (Complex carbohydrate)

คาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยว คือ เป็นน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว หรือ 2 โมเลกุล ที่ร่างกายดูดซึมไปใช้ได้แทบจะทันทีที่ตกถึงท้องโดยไม่ต้องเสียเวลาย่อย เช่น น้ำตาลกลูโคลิน น้ำอัดลม น้ำตาลทราย น้ำหวาน เป็นต้น สำหรับคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน จะมีความสลับซับซ้อนมากกว่า เป็นอาหารหยาบ โมเลกุลใหญ่ จึงต้องใช้เวลาในการย่อยนานกว่าจะได้เป็นน้ำตาลเดี่ยวซึ่งถูกดูดซึมเข้าไปในกระแสเลือด เช่น ข้าวกล้อง ข้าวโพด ข้าวสาลีโฮลวีต ขนมปังโฮลวีต ลูกเดือย เผือก มัน เป็นต้น

จะพบได้ว่า เมื่อรู้สึกโหยเรากินคาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยว เช่น ดื่มน้ำอัดลม ระดับน้ำตาลในเลือดจะสูงขึ้นมาทันที นั่นหมายถึง ในขณะที่น้ำตาลในเลือดต่ำ ทำให้เรารู้สึกเพลีย อ่อนระโหยโรยแรง หากดื่มน้ำอัดลมเข้าไปจะรู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันที อาการเพลียๆ คล้ายกับหายเป็นปลิดทิ้ง

ตรงกันข้าม เมื่อรู้สึกโหยแล้วกินข้าวกล้องซึ่งเป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนจะต้องนอนรอราวครึ่งชั่วโมง รอให้ร่างกายค่อยๆ ย่อย ซึ่งกว่าระดับน้ำตาลในเลือดจะขึ้นสูง ต้องการเวลาที่นานกว่ามากนัก จึงเป็นเหตุให้พวกเราเข้าใจผิดมานานว่า อาหารที่ไม่ต้องย่อย เช่น น้ำตาลน่าจะดีกว่าคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน เช่น ข้าวกล้อง

การใช้น้ำตาล ร่างกายต้องพึ่งอินซูลิน

การที่น้ำตาลจะเข้าไปในเซลล์ของคนเราจำเป็นต้องพึ่งอินซูลินซึ่งผลิตจากตับอ่อน ถ้าอินซูลินไม่พอ ร่างกายก็จะใช้น้ำตาลไม่ได้ น้ำตาลจะเหลือและลอยอยู่ในกระแสเลือด ทำให้เป็นโรคเบาหวาน

มีสิ่งหนึ่งที่เราไม่ค่อยได้ทราบกันในเรื่องอินซูลิน ก็คือ ร่างกายไม่เคยผลิตอินซูลินขึ้นเพื่อมาเก็บไว้ใช้ แต่เมื่อใดก็ตามที่เรากินแป้ง ระบบย่อยจะเปลี่ยนแป้งโมเลกุลใหญ่ให้เป็นน้ำตาลกลูโคสเข้าสู่กระแสเลือด แล้วน้ำตาลโมเลกุลนี้จะไปกระตุ้นให้เซลล์ในตับอ่อนทำหน้าที่เริ่มผลิตอินซูลิน ต่อมาระดับของอินซูลินจะค่อยๆ เพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ

ดังนั้นเมื่อเรากินคาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยว เช่น น้ำอัดลม น้ำตาลในเลือดก็จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่อินซูลินซึ่งย่อมมีน้อยกว่าในภาวะเช่นนั้นดังที่ได้กล่าวมา ปริมาณน้ำตาลและปริมาณอินซูลินจึงเกิดความไม่สมดุล น้ำตาลที่เหลือมากในกระแสเลือดจะถูกเปลี่ยนให้เป็นไขมัน และทำให้อ้วนในที่สุด

แต่ถ้าเรากินคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน ระบบย่อยจะต้องใช้เวลานานในการเปลี่ยนแป้งให้เป็นน้ำตาลกลูโคส ดังนั้น น้ำตาลที่จะเข้าไปในร่างกายจึงค่อยๆ ทยอยไปกันอย่างช้าๆ อันเป็นอัตราที่เร็วพอดีกับการผลิตอินซูลินของร่างกายนั่นเอง

กินข้าวกล้องป้องกันเบาหวาน

เห็นได้ชัดว่าการกินคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนเหมาะสมกับธรรมชาติของร่างกายคนเรามากกว่า เพราะกลูโคสจะใช้เวลาค่อยๆ เข้าสู่ร่างกาย พอๆ กับที่ตับอ่อนค่อยๆ ผลิตอินซูลินออกมา ไม่ทรมานตับอ่อนของเรามากเกินไป

การดื่มน้ำอัดลม น้ำหวาน หรือของหวาน ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วนั้นไปเร่งให้ตับอ่อนเร่งสร้างอินซูลินออกมาให้ทันใช้ เมื่อตับอ่อนถูกบีบคั้นอยู่เป็นประจำเช่นนั้น ต่อมาร่างกายจะทนไม่ได้ และไม่ยอมสร้างอินซูลินออกมา ผลก็คือปัญหาอินซูลินไม่พอใช้ในร่างกาย ระดับน้ำตาลในเลือดก็จะสูงทำให้เป็นโรคเบาหวานทุติยภูมิ ซึ่งเป็นเบาหวานชนิดที่เกิดกับคนมีอายุในที่สุด

จากการศึกษาในชนเผ่าอินเดียนแดงก่อนปี ค.ศ.1940 เทียบกับอินเดียนแดงปัจจุบัน พบว่า แต่ก่อนอินเดียนแดงกินข้าวโพด ข้าวฟ่าง เมล็ดพืช ซึ่งเป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนเป็นอาหารหลัก พบว่า ไม่มีอินเดียนแดงเป็นเบาหวานเลย แต่เมื่ออินเดียนแดงหันมากินอาหารแบบคนอเมริกันได้แก่แป้งขัดขาว น้ำอัดลม ก็พบว่าอัตราการเกิดโรคเบาหวานในอินเดียนแดงเพิ่มสูงขึ้นเทียบเท่ากับในคนอเมริกัน

ยังมีการศึกษาในชนพื้นเมืองเผ่าหนึ่งในอิสราเอลที่กินแต่ธัญพืชเป็นอาหารหลัก ก็ไม่พบว่ามีคนเป็นเบาหวาน แต่เมื่ออาหารการกินเปลี่ยนไปเป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยวมากขึ้น ปรากฎว่าเกิดเบาหวานในชั่วอายุคนแรก อีกทั้งคนรุ่นลูกก็ได้โรคเบาหวานสืบทอดเป็นกรรมพันธุ์ด้วย

แสดงว่าการกินอาหารนั้นมีส่วนอย่างยิ่งต่อการก่อเกิดโรคเบาหวาน การกินคาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยว กินน้ำตาล ของหวาน น้ำอัดลม มากเกินไป ทำให้ตับอ่อนผลิตอินซูลินไม่ทัน และเกิดโรคเบาหวานในที่สุด

การกินข้าวกล้องซึ่งเป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน จึงเป็นวิธีหนึ่งที่จะป้องกันการเกิดโรคเบาหวาน ข้าวกล้องเป็นข้าวที่ต้องอาศัยเวลาในการย่อย อัตราความเร็วในการย่อยข้าวกล้องจะพอดีกับอัตราความเร็วในการผลิตอินซูลิน จึงเกิดความสมดุลระหว่างการกินกับการใช้น้ำตาลของร่างกาย ตับอ่อนทำงานไม่หนักเกินไป จึงป้องกันการเกิดโรคเบาหวานทุติยภูมิได้

ข้าวกล้องป้องกันภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ

ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ คือภาวะที่ร่างกายมีน้ำตาลไม่พอใช้ เปรียบเสมือนรถยนต์ที่มีน้ำมันไม่พอใช้ ร่างกายก็จะมีพลังงานใช้ไม่เพียงพอ ทำให้ไม่มีแรง อ่อนเพลีย เวียนศรีษะ ไม่กระปรี้กระเปร่า เฉื่อยเนือย

โดยปกติระดับน้ำตาลในเลือดจะมีค่าระหว่าง 60 – 110 มก./ดล. คนที่มีระดับน้ำตาลเกิน 110 มก./ดล. ถือว่ามีน้ำตาลในเลือดสูงและจัดว่าเป็นโรคเบาหวาน หากระดับน้ำตาลในเลือดต่ำกว่า 80 มก./ดล. จะมีอาการไม่มีแรง และเป็นลมได้ แต่หากระดับน้ำตาลในเลือดต่ำกว่า 60 มก./ดล. ถือว่ามีภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ ซึ่งไม่ต่ำกว่าปกติ แต่ต่ำพอที่จะทำให้เกิดอาการดังกล่าวได้ หากอดนอน หรือทำงานหนัก ใช้พลังงานมากกว่าปกติ ร่างกายจะทนไม่ได้ เพราะน้ำตาลจะถูกใช้ไปอย่างรวดเร็วจนไม่มีพลังงานสะสมไว้อยู่เลย

ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำเกิดขึ้นได้ จากการกินคาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยวมากเกินไป คนกลุ่มนี้ส่วนใหญ่มีประวัติกินของหวาน ดื่มน้ำอัดลมมาก เมื่อได้รับน้ำตาลในปริมาณสูง ก็จะกระตุ้นให้ร่างกายผลิตอินซูลินออกมามากๆ เพื่อให้พอดีกันกับระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงขึ้น ซึ่งเมื่ออินซูลินถูกหลั่งออกมามากก็จะพาน้ำตาลเข้าสู่เซลล์อย่างรวดเร็ว แต่ระดับน้ำตาลในเลือดจะลดลงทันที จึงเกิดปรากฎการณ์ของภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ ขณะเดียวกันนั้นเซลล์จะใช้น้ำตาลหมดไปในทันทีราวกับไฟไหม้กองฟาง มีผลให้คนๆ นั้นหมดเรี่ยวแรงอย่างรวดเร็ว

วิธีแก้ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำด้วยวิธีที่ง่ายมาก เพียงแต่งดน้ำอัดลม ของหวานที่เป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยวทั้งหมด หันมากินคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน เพื่อปรับสมดุลระหว่างระดับน้ำตาลในเลือดกับอินซูลิน

สำหรับคนไทย เพียงแต่เปลี่ยนจากข้าวขาวมาเป็นกินข้าวกล้อง ก็สามารถแก้อาการดังกล่าวได้ ข้าวกล้องจึงเป็นคำตอบที่ดีสำหรับเยียวยาอาการอ่อนเพลีย ไม่กระฉับกระเฉง เวียนศรีษะ เป็นลมง่าย

ข้าวกล้องมีสารเส้นใยสูง

ปัจจุบันความรู้เกี่ยวกับสารเส้นใยมีมากขึ้น แต่เดิมเราเข้าใจว่า สารเส้นใยช่วยให้เราขับถ่ายดีขึ้นเท่านั้น ซึ่งบทบาทของสารเส้นใยมีมากกว่านั้นอีกมาก

สามารถป้องกันโรคไขมันในเลือดสูง เบาหวาน ป้องกันมะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ด้วย ทั้งนี้ในแต่ละวันร่างกายต้องการสารเส้นใย 20 – 25 กรัมขึ้นไป โดยเราควรได้สารเส้นใยจากข้าว หรืออาหารแป้งอื่นๆ ประมาณครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งหนึ่งควรได้จากผักและผลไม้

ผักและผลไม้โดยเฉลี่ยจะมีสารเส้นใยประมาณ 2 กรัม ต่อ 100 กรัม ดังนั้นหากกินอาหารที่ประกอบด้วยผักและผลไม้วันละ 5 ส่วนบริโภค(1 ส่วน ประมาณ 100 กรัม) ตามหลักสุขภาพ 12 ประการ เราก็จะได้สารเส้นใยจากผักและผลไม้ประมาณ 10 กรัม

ข้าวกล้อง ในปริมาณ 100 กรัม หรือ 1 ทัพพี จะมีสารเส้นใย 3 กรัม ดังนั้นหากกินข้าวกล้องวันละ 5 ทัพพี ก็จะได้สารเส้นใยอีก 15 กรัม รวมกับ 10 กรัม จากผักและผลไม้ แล้วเป็น 25 กรัม ตามที่ต้องการของร่างกาย

คนที่ตัวใหญ่ มีลำไส้ยาวขึ้น จะกินข้าวมากขึ้นเอง เมื่อกินข้าวกล้องจึงได้สารเส้นใยมากกว่า 25 กรัม ซึ่งพอดีกับความต้องการของร่างกายเขานั่นเอง

กินข้าวกล้องป้องกันโรคท้องผูก

ข้าวกล้องมีสารเส้นใยสูง ทำให้มีกากอาหารเพิ่มขึ้นในอุจจาระ ซึ่งจะช่วยอุ้มน้ำไว้ ทำให้อุจจาระนิ่ม ถูกขับถ่ายออกมาง่ายขึ้น และสารเส้นใยยังช่วยกระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ ทำให้ขับถ่ายได้ตรงตามเวลาอีกด้วย

แต่เดิม เราส่วนใหญ่จะคิดว่าท้องผูก ก็เพียงแต่ไม่ถ่ายเท่านั้นไม่มีความสำคัญมากนัก แต่ในปัจจุบันนี้เราทราบกันดีว่า อุจจาระที่คั่งค้างอยู่ซึ่งเป็นของเน่าเสียนั้น มีสารพิษที่จะถูกดูดซึมกลับเข้าสู่ร่างกายได้อีก โดยผ่านทางเยื่อบุลำไส้ใหญ่ อย่างที่พวกเราทราบกันดีว่า เมื่อท้องผูกผิวพรรณจะไม่สดใส เมื่อยเนื้อเมื่อยตัว เกิดแผลร้อนในในปาก และเกิดสิว อาการผิดปกติทั้งหลายนี้เกิดขึ้นได้ก็เพราะสารพิษจากอุจจาระเข้าไปคั่งในกระแสเลือดนั้นเอง

จะเห็นได้ว่าการแพทย์แผนไทยให้ความสำคัญมากในเรื่องอาการท้องผูกจะเริ่มสั่งยารักษาที่มักจะเข้ายาระบาย เพื่อแก้ปัญหาสารพิษจากอุจจาระคั่งค้างเสียก่อน จึงจะรักษาโรคกันได้

อาการท้องผูก ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นกับผู้สูงอายุ วิธีแก้ง่ายที่สุดคือ ให้หันมากินข้าวกล้องเพิ่มกากใย ทำให้อุจจาระนิ่มลง ช่วยให้ลำไส้มีแรงบีบตัวมากขึ้น และขับถ่ายออกมาในที่สุด

จากประสบการณ์พบว่า ผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีอาการท้องผูกบางราย ถึงแม้จะดื่มน้ำมากๆ กินผักและผลไม้ปริมาณมากแล้วก็ตาม อาการท้องผูกก็ยังคงเป็นอยู่ แต่ถ้าเพิ่มการแก้อาการโดยการกินข้าวกล้องร่วมด้วย อาการท้องผูกลักษณะดังกล่าวจะแก้ได้ง่ายขึ้น

กินข้าวกล้องป้องกันและควบคุมไขมันในเลือดสูง

สารเส้นใยในข้าวกล้องก็เหมือนกับฟางข้าว ซึ่งหากเอามามัดรวมกัน จะสามารถซับสิ่งต่างๆ ติดตัวมันไว้ ครั้นเมื่อถูกขับถ่ายออกนอกร่างกาย สารที่เส้นใยซับไว้ก็จะผ่านออกมาด้วย

สมัยก่อน เมื่อน้ำมันหกเป็นฝ้าในทะเล วิธีการซับเอาน้ำมันออก คือ ใช้ฟางข้าวมามัดติดกันยาวๆ ล้อมคราบน้ำมันไว้ ฟางข้าวจะดูดซับน้ำมัน วงของคราบน้ำมันจะเล็กลง เมื่อฟางข้าวชุ่มน้ำมันดีแล้ว เขาก็จะเอาไปกำจัดทิ้ง แล้วใช้ฟางข้าวใหม่มาล้อมไว้อีก ทำเช่นนี้จนกว่าคราบน้ำมันจะหมด

เช่นเดียวกันกับลำไส้ของเรา หากมีสารเส้นใยอยู่ช่วยซับไขมันที่เรากินซึ่งอาจจะล้นเกินไปบ้าง ก็จะถูกสารเส้นใยซับไว้ แล้วถูกขับถ่ายมาเป็นอุจจาระ ทำให้ไขมันมีโอกาสซึมเข้าสู่กระแสเลือดน้อยกว่า เป็นการควบคุมระดับไขมันในเลือดไปในตัวนั่นเอง

ผู้ที่มีไขมันในเลือดสูง หากหันมากินข้าวกล้องเป็นประจำจะควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ง่ายขึ้น อีกทั้งระดับไขมันในเลือดจะเป็นปกติในระยะยาวอีกด้วย

สารเส้นใยในข้าวกล้องป้องกันและรักษาเบาหวาน

สารเส้นใยในข้าวกล้องอีกนั่นเอง ที่จะทำหน้าที่คอยระวังระดับน้ำตาลในเลือดของเราได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ ข้าวกล้องยังมีส่วนช่วยให้ตับอ่อนผลิตอินซูลินอย่างช้าๆ แต่สม่ำเสมอ ช่วยป้องกันการเกิดโรคเบาหวาน

เช่นเดียวกันกับการทำหน้าที่ซับน้ำมันในอาหารทิ้ง สารเส้นใยในข้าวกล้องก็จะคอยซับน้ำตาลที่เรากินเข้าไปล้นเกินทิ้ง เป็นการป้องกันระดับน้ำตาลในเลือดสูง

ผู้ที่เป็นเบาหวานและหันมากินข้าวกล้องเป็นประจำ จะพบว่าระดับน้ำตาลที่ขึ้นๆ ลงๆ และควบคุมได้ยากนั้น จะไม่ค่อยแกว่งมากนัก บางรายสามารถลดยาได้ โดยหากลดน้ำหนักตัวได้ และเปลี่ยนพฤติกรรมการกินเสียใหม่ ก็อาจไม่ต้องใช้ยาควบคุมเบาหวานในที่สุด

กินข้าวกล้องป้องกันมะเร็ง

สารเส้นใยในข้าวกล้องมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการป้องกันโรคมะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งลำไส้ใหญ่

ส่วนใหญ่ของการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ มาจากการกินอาหารไม่เหมาะสม ส่วนน้อยประมาณ 15% เท่านั้น เกิดจากพันธุกรรม ในประเด็นที่เกิดจากอาหารการกินไม่เหมาะสมมีข้อสังเกตดังนี้

อาหารเนื้อสัตว์มีโปรตีนและไขมันสูง เนื้อสัตว์ที่เรากินนั้นส่วนใหญ่จะยังย่อยได้ไม่หมดคงค้างอยู่ในลำไส้ เนื้อวัว ค้างอยู่กว่า 40% เนื้อหมู-ไก่ ค้างอยู่ 30% ซึ่งโปรตีนและไขมันจากสัตว์เหล่านี้เมื่อถูกเข้ากับน้ำย่อยก็จะเปลี่ยนสภาพเป็นยางเหนียวๆ ติดหนึบกับลำไส้ใหญ่ นอกจากนี้ ไขมันในเนื้อสัตว์จะดึงเอาน้ำดีออกมาย่อย คลุกเคล้าปนกันไปในผนังลำไส้ใหญ่ จึงเท่ากับมันอุ้มเอากรดน้ำดีไว้ด้วย

กรดน้ำดีนี้เองที่ทำให้เกิดปัญหาตามมา นั่นคือในลำไส้ใหญ่จะมีแบคทีเรียที่กินกรดน้ำดีเป็นอาหาร จึงเกิดสารเสีย เป็นสารก่อมะเร็งกลุ่มสกาทอลและอินดอล ซึ่งพบว่าก่อให้เกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ และยังพบว่าก่อให้เกิดมะเร็งต่อมลูกหมากได้ด้วย

ผู้ที่นิยมกินข้าวขาวกับเนื้อสัตว์ นม ไข่ ซึ่งในข้าวขาวมีสารเส้นใยน้อยมากคือ เพียง 0.4 กรัมต่อ 100 กรัมเท่านั้น ส่วนเนื้อสัตว์ นม ไข่ ไม่มีสารเส้นใยเลย อาหารก็ยังคงค้างอยู่ในลำไส้ ไม่ถูกขับออกมาในเวลาอันควร และมีสารก่อมะเร็งเกิดขึ้นอยู่ในร่างกายตลอดเวลา จึงมีอัตราเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งดังกล่าวมากกว่าคนที่กินข้าวกล้องและกินผักผลไม้มากพอ

สมัยกว่า 50 ปีก่อนที่คนไทยยังกินข้าวซ้อมมือ อัตราการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ในคนไทยน้อยมาก แต่ปัจจุบันที่เราเปลี่ยนมากินข้าวขาวและกินเนื้อสัตว์ นม ไข่ มากขึ้น ปรากฎว่าอัตราการตายจากโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ของคนไทยขึ้นมาเป็นอันดับสาม รองจากมะเร็งปอดและตับ

การกินข้าวกล้องจึงจะปลอดภัยจากโรคร้าย สามารถป้องกันโรคมะเร็งโดยเฉพาะมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้

กินข้าวกล้องแล้วไม่อ้วน

ข้าวกล้องมีสารเส้นใยมาก จึงทำให้อยู่ท้องไม่ค่อยหิว ไม่ต้องกินจุกจิก เป็นการควบคุมน้ำหนักไปในตัว การกินข้าวกล้องจึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ต้องการจะลดน้ำหนัก

อีกประการหนึ่ง ข้าวกล้องมีวิตามินบีพร้อมใช้ สามารถถูกเปลี่ยนไปเป็นพลังงานได้มากกว่าการกินน้ำตาล น้ำหวาน หรือข้าวขาว กินข้าวกล้องนิดเดียวก็ได้พลังงานมาก แต่ไม่อ้วนอย่างการกินข้าวขาวนั่นเอง

ข้าวกล้องมีวิตามินบีหลายตั

ข้าวกล้องที่มีเยื่อหุ้มข้าวอยู่ครบ เยื่อจะหุ้มวิตามินบีไว้หลายตัว ได้แก่ บี 1, บี 2, ไนอาซีน, กรดแพนโทเทอนิก เป็นต้น ทำให้ข้าวกล้องมีสีออกน้ำตาลนวล เป็นสีของวิตามินบี ต่างกับข้าวขาวที่ถูกขัดสี ทำให้ข้าวเป็นสีขาว แล้ววิตามินบีที่มีประโยชน์ก็ถูกขัดออกไปเป็นรำข้าว

ประโยชน์ของวิตามินบี คือ

<!--[if !supportLists]-->- <!--[endif]-->ช่วยการทำงานของระบบประสาท สมอง ทำให้ความจำดี อารมณ์ดี ไม่เครียดง่าย

<!--[if !supportLists]-->- <!--[endif]-->ช่วยการทำงานของระบบกล้ามเนื้อ รวมทั้งเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหัวใจ

<!--[if !supportLists]-->- <!--[endif]-->ช่วยรักษาโรคเหน็บชา

<!--[if !supportLists]-->- <!--[endif]-->ช่วยให้เยื่ออ่อนในร่างกายแข็งแรง เช่น เยื่อตา เยื่อบุในปาก โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่มักแสบตาเวลาถูกแสงจ้า หรือกินอาหารรสจัดไม่ได้ กินเผ็ดแล้วแสบปาก ก็เพราะขาดวิตามินบี 2 นั่นเอง

<!--[if !supportLists]-->- <!--[endif]-->ช่วยเผาผลาญคาร์โบไฮเดรต เมื่อร่างกายต้องการเปลี่ยนคาร์โบไฮเดรตให้เป็นพลังงาน ต้องการวิตามินบีหลายตัว ซึ่งมีอย่างบริบูรณ์ในข้าวกล้อง มาช่วยในปฏิกิริยาชีวเคมี ดังนั้นเมื่อกินข้าวกล้องเราจะได้วิตามินบีครบที่จะเอาไปใช้สร้างเป็นพลังงาน และทำให้เราได้รับพลังงานจากข้าวที่กินเข้าไปหมดจดกว่า ไม่เหลือเป็นน้ำตาลซึ่งจะถูกเปลี่ยนไปเป็นไขมันใต้ผิวหนังอีกด้วย การกินข้าวกล้องจึงทำให้ไม่อ้วนอีกโสตหนึ่ง

ข้าวกล้องมีวิตามินอี

ข้าวกล้อง เป็นข้าวที่ถูกกะเทาะเอาเปลือกข้าวออกเท่านั้น เยื่อหุ้มข้าวจึงอยู่ครบ จมูกข้าวก็ยังอยู่ จมูกข้าวนี้เป็นที่อยู่ของวิตามินอี ต่างกับข้าวขาวเมื่อถูกขัดไปเรื่อยๆ เมล็ดข้าวขาวจะแหว่งทุกเมล็ด จมูกข้าวที่เป็นแหล่งของวิตามินอีจะหายไป ข้าวกล้องจึงมีวิตามินอี แต่ข้าวขาวไม่มี

วิตามินอี เป็น 1 ใน 3 ของสารต้านอนุมูลอิสระสำคัญ คือ เบต้าแคโรทีน ซี และ อี ดังนั้น การกินข้าวกล้องจึงเท่ากับได้สารต้านอนุมูลอิสระจากธรรมชาติเข้าไปใช้

ผู้ร้ายทางสุขภาพในสมัยนี้เราโทษอนุมูลอิสระ ซึ่งมีอยู่ทั้งในอาหาร น้ำ และอากาศที่เราหายใจเข้าไป อนุมูลอิสระจะเข้าไปทำร้ายร่างกายให้เสื่อมลงอย่างรวดเร็ว เช่น ผิวหนังเหี่ยวย่น เป็นรอยตีนกา ฝ้า กระ ข้ออักเสบ ต้อกระจก หลอดเลือดอุดตัน ทำให้เป็นโรคหัวใจ อัมพาต รวมทั้งเป็นสาเหตุของโรคมะเร็ง

เราจะได้สารต้านอนุมูลอิสระ จากอาหารที่กิน คือกินผักสด ผลไม้สดให้เพียงพอ คือวันละ 5 ส่วนบริโภค และกินข้าวกล้องเป็นประจำ

ข้าวกล้องจึงเป็นอาหารกันชรา ป้องกันความเสื่อมของร่างกายทุกส่วน ป้องกันผิวหนังเหี่ยวย่น ป้องกันหวัด รักษาโรคภูมิแพ้ ป้องกันโรคหัวใจ ป้องกันมะเร็ง แล้วเหตุใดยังเลือกกินข้าวขาวกันอีกเล่า

ข้าวกล้องมีซีลีเนียม

นอกจากสารต้านอนุมูลอิสระตัวสำคัญอันได้แก่ เบต้าแคโรทีน ซี และ อี แล้ว ร่างกายยังต้องการโคเอนไซม์ในการทำหน้าที่ต้านอนุมูลอิสระ คือ เซเลเนียม อีกด้วย ปกติเซเลเนียมพบมากในข้าว การกินข้าวกล้องจะได้เซเลเนียมมากกว่ากินข้าวขาว

ถ้าร่างกายได้รับเซเลเนียมเป็นประจำ จะช่วยเสริมปฏิกิริยาต้านอนุมูลอิสระให้ร่างกายมากขึ้น นี่คือบทบาทของข้าวกล้องในแง่ที่เป็นแหล่งของเซเลเนียม

กินข้าวกล้องป้องกันอาการของวัยหมดประจำเดือน

ดังกล่าวแล้วว่าข้าวกล้องมีเซเลเนียมมาก บทบาทของเซเลเนียม นอกจากใช้เป็นสารต้านอนุมูลอิสระแล้ว ยังเป็นเกลือแร่ที่มีประโยชน์สำหรับรักษาอาการวัยหมดประจำเดือนอีกด้วย

การกินข้าวกล้องจะช่วยลดอาการร้อนวูบวาบ อ่อนเพลีย หงุดหงิด และอาการไม่สบายเนื้อสบายตัวในวัยหมดประจำเดือน

คนที่กินข้าวกล้องเป็นประจำ กินผักสดและผลไม้สดครบส่วน ออกกำลังกายเป็นประจำ และปฏิบัติสมาธิ หรือฝึกโยคะ ไม่จำเป็นต้องกินฮอร์โมนเพศทดแทนเสี่ยงต่อโรคอันเป็นผลข้างเคียงของฮอร์โมน

ข้าวกล้องมีประโยชน์ ต้องช่วยกันเผยแพร่


ข้าวกล้องเป็นอาหารหลักของคนไทย และมีประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างมากมาย อีกทั้งป้องกันโรค และป้องกันแก่ ทำให้กระฉับกระเฉง อายุยืนยาว อยู่อย่างมีความสุขโดยไม่เจ็บป่วย เราจึงควรช่วยกันสนับสนุนให้คนไทยกินข้าวกล้องเป็นอาหารหลัก แทนการกินข้าวขาว คนไทยจะได้มีสุขภาพดี ไม่ต้องใช้จ่ายสูง เป็นค่าซ่อมแซมสุขภาพ
 
ค้นข้อมูลเพิ่มเติมที่
 
 
 

ขายข้าวอินทรีย์นานาชนิด Riceฯ
ข้าวไรซ์เบอรี่ ฯข้าวฮาง(ข้าวนิล) ฯ
ข้าวกล้อง3กษัตริย์,ข้าวกล้อง4กษัตริย์
ข้าวกล้องฯ
ทั้งส่งทั้งปลีก
ส่งฟรีทั่วไทย
ส่งตรงจากชาวนา
ติดต่อ
Tel:090-9610626,089-9096579,086-3265553

ความคิดเห็น

วันที่: Wed May 08 02:03:58 ICT 2024

แสดงความคิดเห็น
All Comments: 1 Pages: 1/1
guest
มีแต่ดี
- Guest -

2015-01-18 20:00:52.0 Post : 2015-01-18 20:00:52.0

ข้าวเหนียวกล้อง?..

http://health.kapook.com/view62282.html

Quote

1

 

 

 

ขายข้าวอินทรีย์นานาชนิด Riceฯ
ข้าวไรซ์เบอรี่ ฯ
ข้าวฮาง(ข้าวนิล) ฯ
ข้าวกล้องฯ
ทั้งส่งทั้งปลีก
ส่งฟรีทั่วไทย
ส่งตรงจากชาวนา
ติดต่อ
Tel:090-9610626,089-9096579,086-3265553